ภูมิหลังความเป็นมา
ภูมิหลัง ชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่
 ภูมิหลัง "ชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่"
วัดหัวไผ่เริ่มมีกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ เมื่อ พ.ศ.2534/1991 ซึ่งขณะนั้นคุณพ่อเฉลิม กิจมงคล เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งนับถึงปัจจุบันรวม 23  ปี   กิจกรรมที่ทำในช่วงแรกๆ คือ กิจกรรมรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ ซึ่งเชิญเฉพาะผู้สูงอายุในชุมชนวัดหัวไผ่ โอกาสวันสงกรานต์เท่านั้น 

พัฒนาการ
จากปีแรกๆ ที่ทางวัดได้ทำกิจกรรมรดน้ำขอพรผู้สูงอายุในชุมชนวัดหัวไผ่เท่านั้น คุณพ่อเฉลิมและสภาอภิบาลก็ได้ขยายกิจกรรมนี้ให้กว้างมากขึ้น ปีต่อๆไปไม่ใช่เฉพาะแวดวงผู้สูงอายุคาทอลิกเท่านั้น แต่ทางวัดได้ประสานกับพระทางวัดพุทธบริเวณใกล้เคียง (วัดโคกขี้หนอน วัดยุคลราษฎร์สามัคคี วัดหนองบัว) จัดรดน้ำขอพรผู้สูงอายุร่วมกัน ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีมากๆ ดังนั้นการรดน้ำขอพรผู้สูงอายุจึงได้พัฒนาสู่จุดสูงสุด ในช่วงปลายสมัยการเป็นเจ้าอาวาสของคุณพ่อเฉลิม คือได้พัฒนาเป็นกิจกรรม "วันเทิดทูนผู้สูงอายุ" จึงส่งผลให้เกิดเนื้องานศาสนสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม อันเนื่องจากความร่วมมือของเจ้าอาวาสทั้ง 3 วัด และเป็นการยกระดับ เป็นการทำกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุระดับตำบลโคกขี้หนอน ซึ่งได้รับความร่วมมือด้วยดีจากผู้ใหญ่บ้านในระแวกใกล้เรือนเคียง

กิจกรรม "วันเทิดทูนผู้สูงอายุ" ได้รับการสืบทอดจากคุณพ่อเจ้าอาวาสองค์ต่อมาอีก 4 สมัย          จึงทำให้วันเทิดทูนผู้สูงอายุกลายเป็นวัฒนธรรมของชุมชนวัดหัวไผ่ และคนในชุมชนได้ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ เข้มข้นมากน้อยแล้วแต่การให้ความสำคัญของเจ้าอาวาสแต่ละสมัย บางสมัยก็มีการพาผู้สูงอายุไปทัศนศึกษา และช่วงหลังเริ่มมีการเชิญหมอจากอนามัย มาตรวจสุขภาพผู้สูงอายุโอกาสสำคัญๆ 

ปัญหาอุปสรรค
นับย้อนหลังไปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2549 เป็นต้นมา การทำกิจกรรม "วันเทิดทูนผู้สูงอายุ" ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นจัดเฉพาะผู้สูงอายุวัดหัวไผ่เท่านั้น เพราะทางองค์การบริหารส่วนตำบล ได้ทำกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุเองที่ัวัดโคกขี้หนอน และวัดอื่นๆ ก็ได้แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมเฉพาะพื้นที่ของตัวเอง อีกสาเหตุสำคัญประการหนึ่ง คือ เรื่องการจัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุซ้ำซ้อนกัน และขาดการประสานงาน

การยกระดับเป็นชมรมผู้สูงอายุ 
เดือนมิถุนายน พ.ศ.2553 เมื่อคุณพ่อเศกสม กิจมงคล มาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดหัวไผ่ คุณพ่อเคยมีประสบการณ์การทำกิจกรรมผู้สูงอายุจากวัดพระหฤทัยขลุง คุณพ่อจึงเริ่มมองหาทีมงานและผู้ประสานงานกลุ่มผู้สูงอายุ โดยได้ติดต่อคุณรุ่งศักดิ์ วงษ์แก้ว ให้เป็นผู้รวบรวมข้อมูลผู้สูงอายุเบื้องต้น ได้ออกจดหมายเชิญสภาอภิบาลฝ่ายสังคมเป็นแกนนำในการเตรียมการ และฟอร์มกรรมการและจิตอาสาเพื่อเตรียมผลักดันให้ผู้สูงอายุมาพบปะกันทุกเดือน

จุดเริ่มต้นตั้งกลุ่มผู้สูงอายุวัดหัวไผ่
วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 กลุ่มแกนนำได้จัดกิจกรรมและประชุมสมาชิกกลุ่มผู้สูงอายุอย่างเป็นทางการครั้งแรก ครั้งนี้มีการเลือกประธานกลุ่มผู้สูงอายุ โดยคุณรุ่งศักดิื    วงษ์แก้ว ได้รับเลือกเป็นประธานกลุ่มผู้สูงอายุคนแรก และให้ประธานเป็นผู้เลือกกรรมการและทีมงานกลุ่มผู้สูงอายุเอง

จดทะเบียนเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์
เป็นเพราะว่ากรรมการกลุ่มผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ ได้ให้ความร่วมมืออย่างดีในการดำเนินงาน มีการบันทึกเอกสารอย่างเป็นระบบ มีการประชุมกรรมการอย่างสม่ำเสมอ มีการจัดกิจกรรมสำหรับสมาชิกอย่างสม่ำเสมอ มีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีการประสานงานกับองค์กรภาครัฐและเอกชนอย่างสม่ำเสมอ
ที่สุดเมื่อเห็นว่ากลุ่มมีความพร้อมพอสมควร และทางกลุ่มต้องการพัฒนากลุ่มผู้สูงอายุให้เติบโตต่อไป กรรมการกลุ่มผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ จึงตัดสินใจทำเรื่องจดทะเบียนเป็นชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ และได้รับการประกาศเป็นชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ องค์กรสาธารณประโยชน์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

จุดเด่นของชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่
กรรมการร่วมมือกันในการผลักดันให้ชมรมเป็นชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ องค์กรสาธารณประโยชน์

ได้รับเลือกเป็นตัวแทนชมรมผู้สูงอายุคุณภาพ อำเภอพานทอง เข้าประกวดในระดับจังหวัด
จากการที่ทางชมรมได้ประสานงานเชิญหมอฟันจากโรงพยาบาลพานทอง มาตรวจสุขภาพอนามัยในช่องปากปีละ 2 ครั้ง ทำให้ทันตแพทย์วสันต์    สายเสวีกุล สังเกตเห็นว่า การบริหารกลุ่มของชมรมดี สมาชิกให้ความร่วมมือค่อนข้างดี เพราะการพบปะกันทุกเดือน มีสมาชิกไปร่วมประมาณ 80-120 คน มีกรรมการและจิตอาสาไปช่วยงาน ประมาณ 20-30 คน เป็นประจำ คุณหมอจึงได้ติดต่อประธานชมรม ให้ส่งชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่เป็นตัวแทนของชมรมผู้สูงอายุอำเภอพานทอง เข้าประกวดชมรมผู้สูงอายุคุณภาพของจังหวัดชลบุรี
ผลประกาศว่าชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ซึ่งประธานชมรมจะไปรับรางวัล ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2556 นี้ ที่จังหวัดชลบุรี

จดทะเบียนเป็น สมาชิกสาขาสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย

ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประจำจังหวัดชลบุรี

ผลจากการได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ชมรม ผู้สูงอายุคุณภาพ ระดับจังหวัดชลบุรี และเพื่อความยั่งยืน ของชมรมฯ กรรมการชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ฯ จึงยื่นเรื่อง จดทะเบียนเป็นสมาชิกชมรมสาขาสมาคม สภาผู้สูงอายุ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราช ชนนีประจำจังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ.2012 (นายรุ่งศักดิ์    วงษ์แก้ว ประธานชมรมฯคนเดิมได้ยื่นเรื่อง ไว้แล้ว)

รับรางวัลชนะเลิศ ชมรมผู้สูงอายุคาทอลิกตัวอย่าง

ประมาณเดือนตุลาคม พ.ศ.2556 คณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ฯ ได้รับการทาบทามจากคณะอนุกรรมการชมรมผู้สูงอายุสังฆมณฑลจันทบุรี ส่งชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ฯ เข้าประกวดชมรมผู้สูงอายุตัวอย่าง ระดับชาติ  จากประสบการณ์การจัดเตรียมเอกสารเมื่อต้นปี คณะ กรรมการชมรมฯ เห็นร่วมกันว่าสมควรส่งผลงานประกวด และผลการประกวด ชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ฯ ได้ รับรางวัลชนะเลิศชมรมผู้สูงอายุคาทอลิกตัวอย่าง ซึ่งผู้ แทนคณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุฯ ไปรับโล่รางวัลเมื่อ วันที่ 26 เมษายน 2014

รับรางวัลชมเชย การประกวดอาสาสมัครผู้ดูแลผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านและติดเตียง

ชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ส่งตัวแทนจิตอาสาประกวดการเยี่ยมผู้สูงอายุติดบ้าน-ติดเตียง ที่มหาวิทยาลัยบูรพา บางแสน เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2014 มีจิตอาสาเข้าร่วมประกวด 11 คน (ตัวแทนอำเภอละ 1 คน) ในจังหวัดชลบุรี มีจิตอาสาของชมรมวัดหัวไผ่ฯแห่งเดียวเท่านั้นที่เป็นชมรมผู้สูงอายุที่เป็นของเอกชน นอกนั้นเป็นจิตอาสาของหน่วยงานภาครัฐ ทั้ง 10 ชมรม ส่วนใหญ่มีผลงานใกล้เคียงกัน ผลการประกวดจิตอาสาชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ได้รับรางวัลชมเชย  ขอขอบคุณจิตอาสาทั้ง 6 คน (คุณลาวรรณ์ / คุณเอื้อมพร / คุณจัตนาวดี / คุณสำราญ / คุณวิทยา / คุณชาตรี) ที่เสียสละเวลาไปรับการอบรมครั้งนี้

จุดเด่นที่เป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จ

1.แต่แรกเริ่มกรรมการกลุ่มผู้สูงอายุวัดหัวไผ่เข้มแข็ง กรรมการกลุ่มผู้สูงอายุฯ มาจากสมาชิกกลุ่มผู้สูงอายุ จากจิตอาสาหลากหลายอาชีพ และจากลูกหลานในชุมชน จึงทำให้กรรมการกลุ่มผู้สูงอายุ มีศักยภาพครอบคลุมเนื้องานของกลุ่มผู้สูงอายุ ทุกคนจึงอุทิศตนตั้งใจทำงานเพื่อกลุ่มผู้สูงอายุ

2.กลุ่มผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ ได้รับการจดทะเบียนเป็น “ชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ องค์กรสาธารณประโยชน์เมื่อ วันที่ 28 มิถุนายน 2554 ด้วยเวลาเพียง 8 เดือน (คือพฤศจิกายน 2553 มิถุนายน 2554) เพราะกรรมการกลุ่มผู้สูงอายุฯ สานต่อกิจกรรมผู้สูงอายุที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง 23 ปี

 3.ชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ ฯ ได้รับการจดทะเบียนเป็นสมาชิกสาขาสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ประจำจังหวัดชลบุรี เมื่อเดือนตุลาคม 2556  เพราะชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ฯ มิได้ทำงานเพื่อผู้สูงอายุในชุมชนวัดหัวไผ่เท่านั้น แต่ได้เปิดตัวเองสู่สังคมภายนอกและประสานงานกับองค์ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุ

4.สมาชิกชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ฯ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะทุกเดือนที่จัดกิจกรรมจะมีสมาชิกมาร่วมกิจกรรมประมาณ 80-100 คน พร้อมทั้งกรรมการและจิตอาสาอีกประมาณ 25-30 คน

5.การอภิบาลสมาชิกชมรมฯ ผู้สูงอายุติดเตียง และผู้พิการยากไร้ในชุมชนให้เป็นระบบ โดยฝ่ายอนามัย เวชบุคคลและฝ่ายทะเบียนของชมรมฯ ได้ประ สานงานกับพระสงฆ์เจ้าอาวาส  กับจิตอาสา กับกลุ่มองค์กรคาทอลิกของวัดและโรงเรียน ที่ทำงานอภิบาลผู้เจ็บป่วยผู้ยากไร้และนำข้อมูลของทุกฝ่ายมาจัดทำเป็นทะเบียนอภิบาลกลาง เพื่อให้ทุกกลุ่มถือเป็นแนวทางในการอภิบาลเยี่ยมเยียน การนำสิ่งของไปให้ จะได้ไม่ซ้ำซ้อนและตรงกับความต้องการ                                                                  

6.การให้ความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม ผลจากการมีทะเบียนอภิบาลกลาง ทำให้งานอภิบาลและการให้ความช่วยเหลือสมาชิกชมรมฯ และผู้ยากไร้ในชุมชนเป็นรูปธรรม เช่น

6.1 ซ่อมแซมทางเดิน – หลังคากันแดดกันฝน ปรับปรุงห้องน้ำให้กับคุณยายหรอด    จันทร์เทศ                                                                                       

  6.2 ประสานงานและช่วยปรับปรุงที่นอนให้กับคุณลุงสุดใจ   ใบงามสะอาด มีเตียงและที่นอนทำให้ความเป็นอยู่ของคุณลุงลุกนั่งได้สะดวกมากขึ้น

   6.3 ติดตั้งรอกและเชือกให้คุณลุงสมคิด   คูเอิน ที่เป็นอำมพฤกษ์แขนขวา ใช้ทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูแขนขวาเพื่อช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น

   6.4 ได้ประสานงานกับคุณหมอวสันต์   สายเสวีกุล ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลพานทองมาให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพอนามัยในช่องปาก ปัจจุบันคุณหมอวสันต์   สายเสวีกุลได้เป็นผู้ประสานงานและอำนวยความสะดวกแก่สมาชิกชมรมผู้สูงอายุฯ และผู้สูงอายุในชุมชนวัดหัวไผ่ ในการไปทำฟันปลอมที่โรงพยาบาลพานทอง

จุดเด่นเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ ฯ ได้รับรางวัลชนะเลิศชมรมผู้สูงอายุตัวอย่างประจำปี ค.ศ.2014 จากคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อผู้สูงอายุและชมรมเครือข่ายผู้สูงอายุคาทอลิกประเทศไทย

อย่างไรก็ตามชมรมผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ฯ ไม่หยุดความภาคภูมิใจไว้เพียงแค่นี้ แต่ยังคงมุ่งมั่นต่อไป เพื่อให้ผู้สูงอายุวัดหัวไผ่ ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามวัตถุประสงค์ของชมรมฯ สืบต่อไป